อัลเบร็ชท์ ดือเรอร์ (Albrecht Dürer) จิตรกร ศิลปินภาพพิมพ์ และนักคิดชาวเยอรมันแห่งยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาเยอรมัน (German Renaissance) เขาเป็นศิลปินที่สร้างชื่อเสียงไปทั่วยุโรปตั้งแต่ช่วงวัยยี่สิบ ด้วยผลงานภาพพิมพ์แกะไม้อันเลิศล้ำ ไม่เพียงเท่านั้น เขายังทำงานศิลปะในหลากสื่อหลายแขนง ทั้งภาพพิมพ์เอ็นเกรฟวิง ภาพวาดพอร์ตเทรต ภาพวาดสีน้ำ และหนังสือและภาพประกอบ ผลงานภาพวาดสีน้ำของเขาทำให้เขาเป็นหนึ่งในศิลปินภาพวาดภูมิทัศน์คนแรกของยุโรป ในขณะที่งานภาพพิมพ์ไม้ของเขาก็นับเป็นการสร้างการบุกเบิกใหม่ๆ ให้รูปแบบการทำงานเทคนิคนี้ 

ดือเรอร์ รู้จักและติดต่อกับศิลปินอิตาเลียนชั้นครูในยุคเรอเนสซองส์หลายคน ไม่ว่าจะเป็น ราฟาเอล, เบอร์นินี และ ลีโอนาร์โด ดา วินชี และเป็นผู้นำแนวคิดแบบคลาสสิคมาสู่ศิลปะแห่งยุโรปตอนเหนือ ด้วยความรู้ที่ได้รับจากศิลปินอิตาเลียนเรอเนสซองส์ และนักมนุษย์นิยมชาวเยอรมัน ที่นำมาประยุกต์ใช้ในการทำงานศิลปะของเขา ทั้งระบบทัศนียวิทยา (perspective), สัดส่วนกายวิภาคมนุษย์ และคณิตศาสตร์ เขายังได้รับการยกให้เป็นผู้คิดค้นหลักการวาดภาพที่ต่อมาจะกลายเป็นพื้นฐานของเทคโนโลยีการประมวลผลของภาพที่คำนวณแสงและเงารวมถึงเงาสะท้อนของวัตถุต่างๆ ให้มีความสมจริง ที่ใช้ในงานคอมพิวเตอร์กราฟิกสมัยใหม่ที่เรียกว่า Ray Tracing นั่นเอง

คนในยุคสมัยปัจจุบันที่ชมงานศิลปะได้ง่ายดายเพียงปลายนิ้วสัมผัสในโลกออนไลน์ คงจินตนาการไม่ค่อยออกถึงความยากลำบากในการชมงานศิลปะในยุคโบราณ ที่งานศิลปะส่วนใหญ่จะอยู่ในโบสถ์วิหารและนิวาสถานของชนชั้นสูงและเศรษฐีมีทรัพย์ซึ่งเป็นสถานที่หวงห้ามสำคัญสามัญชนคนทั่วไป แต่ในทางกลับกัน ผลงานดือเรอร์กลับเป็นอะไรที่คนเข้าถึงได้ง่ายกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ชนชั้นกลางที่สามารถซื้องานของเขามาเชยชมได้ไม่ยาก ถึงแม้ตัวดือเรอร์เองจะเป็นศิลปินผู้ยิ่งใหญ่ที่รับจ้างทำงานราคาแพงจากชนชั้นสูงและเศรษฐี แต่ในขณะเดียวกับเขาก็ทำงานผลงานภาพพิมพ์ชิ้นเล็กๆ ในราคาย่อมเยากว่าออกมาขายด้วยเหมือนกัน พูดง่ายๆ ว่าถ้าอยู่ในยุคนี้ ดือเรอร์ก็คงขายงานศิลปะทางออนไลน์เลยด้วยซ้ำไป 

ดือเรอร์เป็นศิลปินที่ชอบวาดภาพพอร์ตเทรตของตัวเองในหลายช่วงอายุ ภาพเหมือนตัวเองที่โด่งดัวที่สุดของเขาคือ ภาพ self-portrait at 28 (15000) ที่เชาวาดภาพเหมือนของตัวเองตอนอายุ 28 ปีออกมา ในภาพ เขามีผมยาวสยายประบ่า และมีหนวดเครา ดูๆ ไปละม้ายคล้ายกับพระพักต์ของพระเยซูเหมือนกัน ซึ่งการจงใจวาดภาพของตัวเองออกมาเช่นนี้ไม่ใช่เป็นการดูหมิ่นศาสนา หากแต่เป็นการแฝงนัยยะเชิงปรัชญามนุษยนิยม มนุษย์ทุกคนต่างก็ถูกสร้างขึ้นมาตามฉายาของพระผู้เป็นเจ้า (ซึ่งเป็นถ้อยคำจากพระคัมภีร์ไบเบิ้ลด้วย) แน่นอนว่าดือเรอร์เองก็แอบแฝงแรงจูงใจทางธุรกิจเบื้องหลังการวาดภาพเช่นนี้ให้เหล่าบรรดาผู้จ้างวานของเขาด้วยว่า ขนาดเขาวาดตัวเองยังออกมาเหมือนบุตรของพระผู้เป็นเจ้าขนาดนี้ ลองคิดดูว่าถ้าเขาจะวาดลูกค้าเหล่านั้นออกมาได้ขนาดไหนกัน เรียกได้ว่าเป็นศิลปินที่มีหัวใจนักธุรกิจจริงๆ อะไรจริง!

#Xspace #Art #Artist #AlbrechtDürer #GermanRenaissance #Perspective #Inspiration