Talk with Artist
สัมผัสพลังแห่งการเปลี่ยนแปลงของศิลปะในนิทรรศการ Journey Through the Mind’s Eye
สัมผัสพลังแห่งการเปลี่ยนแปลงของศิลปะในนิทรรศการ Journey Through the Mind’s Eye โดย Bertrand Gossart และ สิทธิธรรม โรหิตะสุข นิทรรศการนี้นำเสนอแก่นแท้ของภาพวาดทิวทัศน์ที่สะท้อนทั้งโลกภายนอกและภายในของศิลปิน ผลงานของพวกเขาเผยให้เห็นถึงการแลกเปลี่ยนมุมมองและความรู้สึกทางสุนทรียะอย่างเป็นพลวัตราวกับบทสนทนาส่วนตัว
Xspace: Please introduce yourself. / อย่างแรกเลยช่วยแนะนำตัวหน่อย
BEN: Hi, I’m Bertrand from France. I’m an artist, and I’ve been a landscape painter for many years. I started painting with oil pastels when I was young at 14. Now, after a few years, I’ve returned to landscape painting. Today, I’m exhibiting my landscape work featuring scenes from Thailand and Indonesia.
สิทธิธรรม: สิทธิธรรม โรหิตะสุข เป็นศิลปินในนิทรรศการ Journey through the Mind’s Eye ร่วมกับคุณเบนนะครับ เป็นอาจารย์สอนอยู่ที่คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ สาขาวิชาทัศนศิลป์
Xspace: How did the Journey through the Mind’s Eye exhibition begin? / นิทรรศการ Journey through the Mind’s Eye มีจุดเริ่มต้นอย่างไร
BEN: About six months ago, I decided to organize an exhibition after having created some large landscape paintings (in my studio). I was also looking for a Thai partner to collaborate with, combining our artworks. That’s how the idea for the exhibition came about. It was a great experience, and it’s been a pleasure to work together.
สิทธิธรรม: นิทรรศการ Journey through the Mind’s Eye เกิดจากการที่ได้พบกับคุณเบน ได้ทราบว่าทางคุณเบนได้ทำงานจิตรกรรมในเชิงภาพทิวทัศน์ แล้วได้มีโอกาสไปเยี่ยมชมสตูดิโอแล้วพูดคุยกันว่ามีแผนจะจัดงานนิทรรศการศิลปะ ก็สนใจ แล้วเรามีจุดหลาย ๆ อย่างของงาน ของเรา ตัวงานจิตรกรรมที่สนใจจะมาร่วมงานกัน ก็เลยตัดสินใจจะแสดง Duo exhibition ด้วยกัน
Xspace: The collaboration between both of you has led to the creation of something new? / การทำงานระหว่างกันและกัน ทำให้เกิดอะไรใหม่ ๆ ขึ้นกับคุณทั้งคู่บ้าง
BEN: I think the great thing is that we’ve created a synergy between our two worlds. My paintings are mostly bright, colorful landscapes, leaning towards figurative art, but at times they shift towards something more abstract. My approach to color and technique is quite different, and I find it interesting to blend our two visions. We both express similar themes of landscapes, but from very different perspectives. I believe this contrast is a major highlight of the exhibition—especially in the way we approach the theme of water as a resource.
สิทธิธรรม: การทำงานกับคุณเบนในนิทรรศการนี้ ผมว่ามันน่าสนใจมากกับตัวผมด้วย เพราะว่าโดยส่วนมากผมทำงานจิตรกรรมเป็นหลัก มีทั้งงานที่เป็นนามธรรมและกึ่งนามธรรม มีหลายครั้งเลยที่ไม่ใช่งานนามธรรม จะเป็นงานทิวทัศน์ การมาร่วมงานกับคุณเบนทำให้เราสองคน เมื่อนำงานมารวมกันมันคือความตั้งใจที่จะสร้างบทสนทนา หรือว่าสร้างความรู้สึกให้กับตัวเราเองหรือผู้ชมนะครับ ที่มาดูงาน ว่าจริง ๆ แล้ว ความเป็นไปได้ในงานจิตรกรรมทิวทัศน์ มันมีการถ่ายทอดทั้งเรื่องของโลกภายในและเรื่องภายนอก โดยส่วนใหญ่เราจะคิดว่างานจิตรกรรมภาพทิวทัศน์คือการบันทึกภาพของโลกภายนอกที่เราประทับใจใช่ไหมครับ แต่ว่าการทำงานของผมกับคุณเบน เรามีการถ่ายทอดภาพทิวทัศน์ที่ผสมผสานระหว่างโลกภายในกับโลกภายนอก กรณีของคุณเบนมีความประทับใจจากโลกภายนอกก็จริง แต่เขาก็มีการเอาอารมณ์ความรู้สึกจากภายในเข้ามาผสมจนกระทั่งก่อเป็นงานขึ้นมา ในขณะที่ผมเอง งานจิตรกรรมภาพทิวทัศน์มันเป็นอีกทางออกหนึ่งที่เราใช้สำรวจไปในจิตใจของเรา ความทรงจำในอดีต แล้วเป็นการทบทวนจิตใจที่อยู่ภายในของตัวเอง เพราะฉะนั้นเมื่อมาร่วมงานกันมันก็เลยมีจุดที่น่าสนใจว่านิทรรศการนี้เป็นการเดินทางเข้าไปในดวงตาของศิลปิน และเป็นดวงใจด้วย
BEN: I just wanted to mention one thing—the discussion and interaction between our two visual languages, expressed through different approaches to color. What I find interesting is that, in Thailand, there’s a strong focus on abstract expression, like the work of Sitthidham, who uses dark, powerful colors to express himself. In contrast, my approach is more rooted in the French classical style, using light to achieve similar emotional goals.
สิทธิธรรม: ใช่ ๆ อยากจะเล่าเพิ่มเติมตอนที่เราเจอกันที่ผมได้ไปสตูดิโอของเขา เราไม่ได้พูดคุยแค่เรื่องของ landscape นะ จริง ๆ เราพูดถึงเรื่องความสนใจงานศิลปะของแต่ละคน อย่างผมก็เล่าให้คุณเบนฟังว่างานของผมได้รับอิทธิพลมาจากศิลปินฝรั่งเศสในการใช้สีดำ หรือการให้สีดำสะท้อนกับแสงจนเกิดความเคลื่อนไหว ในขณะเดียวกันเมื่อผมเห็นงานของคุณเบนแล้วมันก็ทำให้ย้อนกลับไปเห็นถึงความรู้สึกดี ๆ ความประทับใจที่เรามีต่อจิตรกรฝรั่งเศสตั้งแต่ช่วงปลาย ค.ศ. ที่ 19 หรือช่วงต้น 20 ที่มีการระบายสีแสดงอารมณ์ความรู้สึกข้างในของตัวเองออกมา แล้วใช้สีสันที่กล้าหาญ มีชีวิตชีวา ผมก็รู้สึกว่าเราถ่ายความรู้สึกที่สนใจซึ่งกันและกัน อันนี้ก็เป็นเหตุที่เราต่างเข้าใจในการทำงานซึ่งกันและกัน เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้มาร่วมงานกัน .
Xspace: What do you think is the common point or connection in your work for this exhibition? / พวกคุณคิดว่างานของคุณทั้งคู่มีจุดเหมือน หรือจุดเชื่อมโยงกันที่ส่วนใด
BEN: So, basically, we focus on aesthetics and texture in our work around landscapes, aiming to create a unique sense of expression and vibration through the scenery. As we discussed before, our use of color is quite different. My approach is bright, with rich, pure oil paints, while my collaborator’s style is more intense and critical, working with stronger, darker tones. But what brings us together is the subject—we both work with landscapes. I think there’s a shared sense of happiness and naturalness in our work. It’s about capturing something simple, honest, and direct, even though we use very different colors and techniques. That contrast is what makes it special.
สิทธิธรรม: สำหรับผมเองแล้ว จุดร่วมกันนอกจากการเป็นภาพทิวทัศน์ ก็คงเป็นร่องรอยต่าง ๆ ที่ปรากฎอยู่ในงานอย่างที่คุณเบนบอกเรื่องของพื้นผิว texture จริง ๆ แล้วเรามีความสนใจใกล้ ๆ กัน เรื่องของการสร้างพื้นผิวในผลงาน เพื่อให้เกิด reflect ทางสายตา ความรู้สึกอะไรบางอย่าง อีกอันหนึ่งก็คือภาพของคุณเบนจะสว่าง ส่วนของผมก็จะอีกโทนหนึ่ง ในขณะเดียวกันจุดร่วมกันมันสะท้อนซึ่งกันและกัน ในความมีสีสัน มีชีวิตชีวา มันก็ปรากฎในงานของคุณเบน ในลักษณะของ landscape ที่มาจากการทบทวนของโลกภายในมันก็ทำให้เห็นสีสันอีกแบบหนึ่ง บรรยากาศอีกแบบหนึ่ง ซึ่งอันนี้แหละ เมื่อคนที่เข้ามาดูคิดว่ามันมีจุดเชื่อมโยงกันที่งานของทั้ง 2 คนจะสามารถเชื่อมโยงกันได้ สะท้อนกลับกันไปกันมา เกี่ยวกับความรู้สึกที่เข้ามาชม และอาจจะสะท้อนกลับไปสู่ประสบการณ์ผู้ชมแต่ละคนด้วย
Xspace: What is your favorite artwork from this exhibition? / ผลงานที่คุณชอบมาที่สุดในนิทรรศการนี้
BEN: In my case, the painting just behind you, the one with the big blue waves—is a good example. It’s all about texture, energy, and expression. I try to convey happiness and a sense of something natural. To paraphrase the writer Albert Camus on the goal of an artist, I try to position myself on a fine line—somewhere between light, decorative art and propaganda or message-driven art. What matters most to me is staying sincere in my approach. I strive to express something genuine, natural, and full of emotion in the most honest way possible. That’s what I’m always seeking, and I feel this painting reflects that approach, especially in the way I use color to achieve it.
สิทธิธรรม: จริง ๆ ก็ต้องบอกว่าชอบทุกภาพ แต่ว่าถ้าต้องเลือกจริง ๆ อาจจะต้องบอกว่าไม่ชอบภาพที่ชอบที่สุดหรอกแต่ว่าเป็นภาพที่อธิบายในสิ่งที่เป็นทั้งโลกภายนอก และโลกภายใน อาจจะมีภาพหนึ่งที่เป็นภาพทิวทัศน์ที่คล้าย ๆ กับทะเล แล้วก็ใช้สีดำเป็นหลัก ภาพนั้นเกิดขึ้นมาจากที่ผมไปงานเลี้ยงของที่ทำงานแล้วเขาจัดที่ทะเลแล้วจำได้ว่างานเลี้ยงนั้นสนุกมากเลย คนที่มาร่วมงานก็สนุกมาก เรารู้สึกว่าเราอยากเดินออกไป ไม่ได้หมายความว่างานสังสรรค์ไม่ดีนะ พอเราเดินออกไปอีกทิศทางหนึ่ง ในทางกลับกันเราเห็นถึงความเงียบสงบ มันขัดแย้งกับภาพเมื่อสักครู่ พอเรามองไปแล้วเรามีความสุข เราดื่มด่ำไปกับสิ่งที่เราเห็นตรงหน้ามันเป็นภาพที่เราวาดขึ้นมาเพื่อที่จะเก็บความรู้สึกนั้นไว้ ความรู้สึกที่เงียบสงบกับความมืด แต่มันทำให้เราเกิดความสงบ ทำให้เราเกิดความสุขบางอย่างขึ้นมา แล้วเราก็อยู่ตรงนั้นได้นาน คือแต่ละภาพของผมจะมีเรื่องราวอยู่มาก
Xspace: Finally, What are your thoughts on this exhibition? / สุดท้ายแล้ว คุณมีความคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับนิทรรรศการในครั้งนี้
BEN: I think it’s been a very interesting collaboration. As you mentioned, it brought together two visual languages—two different approaches—around a shared topic: the landscape. I find it fascinating for the audience to see these contrasting visions, both exploring the same subject from different perspectives.
Another important point is that we’ve offered something quite original. Through our experience and the time we’ve spent developing this work, we’ve managed to present something fresh—especially in the Thai art scene. If you look around today, you’ll see that this style is still quite unusual. So, I believe it’s exciting for people to discover this blend of approaches between a Thai artist and a French artist. Overall, I believe the audience really appreciated seeing this artistic dialogue.
สิทธิธรรม: ของผม 2 เรื่อง เรื่องแรกคือได้ร่วมงานกับคุณเบน มีความรู้สึกว่าเราต่างชื่นชมงานของกันและกัน การได้มาร่วมงานกันถือว่าเป็นความสุขของศิลปินได้มีโอกาสพบกัน ได้รู้จักกัน ถึงแม้ว่าช่วงเวลาก่อนหน้านี้จะสั้นมาก แต่ว่าเมื่อได้ร่วมงานกันแล้วรู้สึกดี มีความสุข อีกเรื่องหนึ่งก็คือ ผมว่าผมมีความสุขทุกครั้งที่ได้แสดงงาน เพราะว่าวาดรูปจิตรกรรมมีชีวิตชีวาตอนที่เราทำมันนะครับ ตอนอยู่ในสตูดิโอเก็บเอาไว้มันก็ได้สนทนากับเรา แต่ว่าจะมีชีวิตชีวามากขึ้นสร้างความสุขให้เรามากขึ้น ก็ต่อเมื่อมันมาแสดงให้คนอื่นได้ดู แล้วได้เจอไฟ เจอกำแพง เจอบรรยากาศของแกลเลอรี่ เจอผู้คนไม่ว่าจะมากจะน้อย ไม่ได้สำคัญเท่ากับที่มันได้ออกมาให้มันทำหน้าที่ของมัน รูปมันมีชีวิตชีวามากขึ้นก็ต่อเมื่อมันมาอยู่ในสถานการณ์หรือสถานที่แบบนี้มันก็เป็นเรื่องที่ดี
BEN: เห็นด้วยกับคุณเดช ผมมีความสุข มีอิสระด้วย ผมคิดว่าศิลปินต้องมีอิสระด้วยครับ สำคัญมาก ๆ (Ben speak Thai)
Journey through the Mind’s Eye: An Art Exhibition
ระยะเวลาจัดแสดง : 18 มกราคม – 29 มีนาคม 2568 (จันทร์ – เสาร์ 10:00 – 17:00 น.)
สถานที่ : Mini Xspace Gallery ชั้น 1, Bangkok.
-
Journey through the Mind’s Eye: An Art Exhibition
SHOW PERIOD: 18 Jan – 29 Mar, 2025 (Mon - Sat 10:00-17:00 น.)
At Mini Xspace Gallery FL, 2 Bangkok.
-
https://xspace.gallery/exhibition-journey