ARTWORKS ARTISTS BOOKS EXHIBITION BLOG
INFORM and DELIGHT

Symphony in White, No. 1 กับอัปลักษณ์ศิลป์ที่ถูกคัดทิ้ง

INFORM and DELIGHT

Symphony in White, No. 1 กับอัปลักษณ์ศิลป์ที่ถูกคัดทิ้ง


ในยุคศตวรรษที่ 19 ของฝรั่งเศส มีนิทรรศการหนึ่งที่มีชื่อว่า Salon des Refusés หรือ นิทรรศการของพวกถูกคัดทิ้ง เป็นนิทรรศการของศิลปินที่ถูกปฏิเสธจากคณะกรรมการของซาลง (Salon) หรือนิทรรศการที่สนับสนุนโดยรัฐบาลและสถาบันศิลปะของฝรั่งเศสที่ถือกำเนิดขึ้นในปี 1667 โดยช่วงแรกจำกัดเฉพาะผู้ที่เป็นสมาชิกของสถาบันศิลปะเท่านั้น ต่อมาในปี 1748 มีการตั้งคณะกรรมการคัดเลือกผลงานขึ้น เนื่องจากซาลงเป็นนิทรรศการสาธารณะเพียงงานเดียว ผู้ชนะจะได้รับการว่าจ้างงานจากรัฐบาล รวมไปถึงการว่าจ้างงานจากเศรษฐีมีทรัพย์ รางวัลจากซาลงจึงเปรียบเสมือนใบเบิกทางสู่ความสำเร็จในอาชีพศิลปิน จนทำให้เกิดการแข่งขันดุเดือด ศิลปินที่ถูกปฏิเสธหรือคัดออกเพราะงานหลุดจากกรอบ ไม่เข้าพวก หรือไม่มีสุนทรียะในสายตาของคณะกรรมการเหล่านั้น

ศิลปินเหล่านั้นจึงเกิดความไม่พอใจ และรวมตัวกันประท้วงจนความไปถึงหูจักรพรรดินโปเลียนที่ 3 ในปี 1863 จึงดำริให้นำงานที่ถูกคัดทิ้งเหล่านั้นไปจัดแสดงขึ้นในสถานที่อีกแห่งหนึ่ง เพื่อให้มวลมหาชนเป็นคนตัดสินและวิพากษ์วิจารณ์มันด้วยตัวเอง ซึ่งแน่นอนว่าเป็นโอกาสที่พวกเขาเหล่านั้นจะสามารถเหยียดหยามและเย้ยหยันงานศิลปะที่ถูกตราหน้าว่าเป็น “ศิลปะชั้นเลว” หรือ “อัปลักษณ์ศิลป์” ได้อย่างเต็มที่ 

นอกจากผลงานชิ้นอื้อฉาวของ มาเนต์ อย่าง Le déjeuner sur l’herbe ของ เอดูอาร์ต มาเนต์ (Édouard Manet)แล้ว ในนิทรรศการของพวกถูกคัดทิ้งก็ยังมีผลงานอีกชิ้นที่ได้รับความสนใจจากสาธารณะชนเป็นอย่างมาก ผลงานชิ้นนั้นมีชื่อว่า

Symphony in White, No. 1 (The White Girl) (1861-62) 

ของศิลปินอเมริกันเชื้อสายอังกฤษ เจมส์ แม็คนีลล์ วิสต์เลอร์ (James Abbott McNeill Whistler) นั่นเอง

มันเป็นภาพวาดสีน้ำมันขนาดเต็มตัวของหญิงสาวสวมชุดยาวสีขาวยืนอยู่บนพรมหนังสัตว์หน้าผ้าม่านสีขาว ในมือถือดอกลิลลีสีขาว สายตาของหญิงสาวและสุนัขจิ้งจอกจ้องตรงมายังผู้ชม โทนสีหลักเกือบทั้งหมดของภาพเป็นสีขาว นางแบบในภาพคือ โจอานนา ฮิฟเฟอร์แมน (หรือที่รู้จักกันในชื่อ “โจ”) ซึ่งเป็นชู้รักของศิลปิน 

เดิมทีภาพนี้มีชื่อว่า The White Girl แต่ วิสต์เลอร์เปลี่ยนชื่อในเป็น Symphony in White, No. 1 ในภายหลังโดยตั้งใจให้มันมีความหมายเป็นนามธรรม เพื่ออ้างอิงถึงปรัชญา “ศิลปะเพื่อศิลปะ” หรือ ศิลปะไม่ได้รับใช้อะไรนอกจากตัวมันเอง (Art for Art’s Sake) ของเขา

ผลงานชิ้นนี้ของเขาถูกปฏิเสธจากทั้งซาลง และสถาบันอย่าง Royal Academy หากแต่ในภายหลังก็ได้เข้าร่วมแสดงในนิทรรศการ Salon des Refusés ในปี 1863 ร่วมกับภาพ Le déjeuner sur l’herbe อันโด่งดังของมาเนต์ ซึ่งภาพวาดนี้ก็ได้รับความสนใจและเป็นที่กล่าวขานมากกว่างานของมาเนต์เสียด้วยซ้ำ เพียงแต่ในครั้งนี้เสียงวิจารณ์ออกไปในทางชื่นชมเสียมากกว่า มันถูกวิจารณ์ว่าแสดงออกถึงความบริสุทธิ์และสูงส่ง (บางคนตีความว่าพรมหนังสุนัขจิ้งจอกที่อยู่ใต้เท้าเธอนั้นหมายถึงความเป็นชายและกิเลศตัณหา) บางคนตีความว่ามันเป็นภาพแทนสัญลักษณ์ทางศาสนาของพระแม่มารีผู้บริสุทธิ์ ในขณะที่ วิสต์เลอร์ เองนั้นยืนยันว่าภาพเขียนของเขาแสดงออกถึงความหมายทางจิตวิญญาณและตัวอย่างอันชัดเจนที่ยืนยันหลักปรัชญาของเขาว่าศิลปะควรจะเป็นการสอดประสานของสีสันและองค์ประกอบเพื่อแสดงออกถึงตัวตนมันเองมากกว่าจะเป็นการถ่ายทอดและบอกเล่าเรื่องราวในโลกของความเป็นจริง 

อย่างไรก็ดี ภาพเขียนที่ถูกปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใยในตอนแรกชิ้นนี้ก็กลับได้รับความนิยมชมชอบและเป็นที่สนอกสนใจในหมู่สาธารณชน และเป็นแรงบันดาลใจชั้นดีให้กับเหล่าศิลปินหัวก้าวหน้าในยุคนั้นเป็นอย่างมาก เห็นไหมล่ะว่าของที่ถูกคัดทิ้งหรือสิ่งที่คนเห็นว่ามันอัปลักษณ์ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะไร้ค่าเสมอไปเสียเมื่อไหร่ ชีวิตเราก็เช่นกัน…

ข้อมูล/ภาพ : หนังสือ The Chronicle of Impressionism: A Timeline History of Impressionist Art by Bernard Denvir, หนังสือ ศิลปะสมัยใหม่ ความรู้ฉบับพกพา David Cottington เขียน จณัญญา เตรียมอนุรักษ์ แปล สำนักพิมพ์ openworlds

#Xspace #JamesAbbottMcNeillWhistler #Thewhitegirl #Art #Artist #Inspitration






More to explore