Talk with Artist
ภาพวาดของ “BlueBlurryMonday” จึงเป็นเหมือนสื่อกลางในการถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิดผ่านองค์ประกอบทางธรรมชาติ และแสง
Talk with Artist
ภาพวาดของ “BlueBlurryMonday” จึงเป็นเหมือนสื่อกลางในการถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิดผ่านองค์ประกอบทางธรรมชาติ และแสง
"BlueBlurryMonday" เป็นศิลปินอิสระ อาศัยอยู่ที่กรุงเทพมหานครเป็นหลัก เธอใช้สีไม้ในการสร้างสรรค์ผลงาน ซึ่งผลงานส่วนใหญ่จะบอกเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ในชีวิตของเธอเอง เธอหาแรงบันดาลใจในการวาดภาพจากธรรมชาติ แสงแดด และเรื่องราวที่เกิดขึ้นในชีวิต รวมถึงสภาพจิตใจ และอารมณ์ของเธอ ณ ช่วงเวลานั้น ๆ เธอชอบเล่าเรื่อง และจดบันทึก ภาพวาดของเธอจึงเป็นเหมือนสื่อกลางในการถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิดผ่านองค์ประกอบทางธรรมชาติ และแสง ซึ่งเป็นองค์ประกอบที่เธอชอบใช้ในงาน เธอเชื่ออย่างยิ่งว่าเรื่องราวชีวิตของเรานั้นมหัศจรรย์มาก ๆ เพราะมีแค่เราเท่านั้นที่เป็นเจ้าของเรื่องราวของเราเอง
Xspace: ช่วยแนะนำตัวได้ไหมคะ
คุณมู: สวัสดีค่ะ BlueBlurryMonday นะคะ ชื่อเล่น มูนะคะ ทำงานวาดภาพประกอบ สอน workshop สีไม้ด้วย
Xspace: ทำไมถึงมาร่วมนิทรรศการ Take your mark ได้หรอคะ
คุณมู: ทาง Xspace เป็นคนติดต่อมา ประกอบกับตอนนั้นมูก็ไม่ได้มีโปรเจคอะไรก็เลยคิดว่าสนุกดี ได้ลองทำงานสเกลใหญ่ขึ้น
Xspace: ช่วยเล่าถึงผลงานที่นำมาจัดแสดงในนิทรรศการนี้ได้ไหมคะ
คุณมู: จากตอนแรกที่ได้รับหัวข้อเรื่อง Take your Mark ใช่ไหมคะ ก็เลยนำมาตีความเป็นความหมายของตัวเอง ได้ออกมาเป็นซีรี่ย์ผลงานทั้ง 3 ชิ้น เป็นเหมือน ซีรี่ส์ Soft becoming คือมูรู้สึกว่าคำว่า Take Your Mark หรือว่า ช่วงเวลาการปล่อยตัว มันก็เป็นเหมือนช่วงเวลาของการเริ่มต้นใหม่ ในทุก ๆ ครั้งที่เราเริ่มต้นใหม่ เหมือนเราจะกลายเป็นอย่างหนึ่งเป็นอีกคนนึงอะไรอย่างนี้ ทั้ง 3 ชิ้นของมูจะเล่าถึงสิ่งที่เราทิ้งไป หรือสิ่งที่ร่วงล่นลงมาระหว่างจุดปล่อยตัวนั้นซึ่งไม่ได้หมายความว่ามันจะดีหรือไม่ดี แค่เล่าถึงอะไรบางอย่างที่มันเหลือไว้ในช่วงเวลาของการปล่อยตัวประมาณนี้
Xspace: ในผลงานที่นำมาแสดงทั้งหมดคุณมูชอบชิ้นไหนเป็นพิเศษไหมคะ เพราะอะไร
คุณมู: ชอบทั้ง 3 ชิ้นเลยค่ะ คือด้วยความที่มูชอบใช้ element ของธรรมชาติเข้ามาเป็น symbol ในการเล่าเรื่อง เช่นภาพแรกที่เป็นหยดน้ำ มันไม่ใช่ทุกการเริ่มต้นของเราที่จะแฮปปี้ช่วยการเริ่มต้นใหม่อาจจะทำให้เรามีน้ำตา มูเล่าถึงตัวตนของเราที่มันร่วงหล่นลงมาของการเริ่มต้นใหม่ แล้วก็น้ำตามันไม่ใช่แค่หยดน้ำ หรืออะไรก็ตามที่ร่างกายมันหลั่งออกมา มันคือตัวตน มันคือจิตรวิญาณของเราที่มันหล่นลงมาด้วยเพื่อทำให้เราเริ่มต้นใหม่ และกลายเป็นอีกคนหนึ่ง เพราะฉะนั้นสิ่งสำคัญของการเริ่มต้นใหม่มันไม่ใช่ว่าแค่การเริ่มต้นอย่างเดียว มันหมายถึงเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา ประกอบร่างให้เราเริ่มต้นใหม่เพื่อเป็นอีกคนหนึ่งได้อย่างสมบูรณ์ ไม่ใช่แค่ว่า appreciate กับสิ่งที่กำลังจะเป็น แต่ต้อง appreciate กับสิ่งที่ผ่านมาแล้วไม่ว่ามันจะดีหรือไม่ดี
จริง ๆ ชอบทุกภาพเพราะว่ามันเป็นเรื่องราวที่ต่อ ๆ กันมาค่ะ เพราะว่าเหมือนที่เราดูอะตรงการมันจะเป็นเหมือนภาพรวมใช่ไหมคะ ภาพด้สนซ้ายด้านขวาจะเป็นเหมือนการ Zoom in เข้าไป เป็นเหมือนการขยายชิ้นส่วนของความรู้สึกต่าง ๆ เพราะว่าภาพตรงกลางมุจะเล่าถึง step ต่าง ๆ จากหยดน้ำกลายมาเป็นก้อนหินแล้วก็มาเป็นเพชรใช่ไหม ภาพนั้นก็เหมือนซูมไอตัวก้อนหยดน้ำหยดนั้น ส่วนอีกภาพก็เหมือนซูมก้อนที่เป็นเพชร มูก็เลยรู้สึกว่าพอเล่าแยกกันอะมันก็เป็นแต่ละเรื่อง แต่พอเล่ารวมกันทั้ง 3 ภาพ มันก็เป็นเหมือนสตอรี่ใหญ่ ๆ ในการที่คนคนหนึ่งจะก้าวผ่านอะไรบางอย่างแล้วก็เริ่มต้นใหม่เพื่อเป็นอีกคนหนึ่ง
Xspace: อะไรคือจุดเริ่มต้นในการทำงานศิลปะคะ
คุณมู: จุดเริ่มต้นที่มูมาทำงานศิลปะหรอ จริง ๆ มูชอบวาดรูปตั้งแต่เด็กแล้วคำตอบอาจจะเหมือนศิลปินคนอื่นใช่ไหม มันเป็นอะไรที่เหมือนติดตัวเรา เรารู้สึก comfort รู้สึกปลอดภัย เพราะว่ามันมีไม่กี่อย่างที่เรารู้สึกว่าเราทำมันได้ดี แล้วก็ชอบด้วย พอสิ่งที่เราชอบ และทำได้ดีบังเอินเป็นสิ่งเดียวกันก็เลยรู้สึกว่าสิ่งนี้เป็นตัวเราที่สุด ประกอบกับว่ามูไม่ได้เรียนอาร์ตโดยตรงคือมูจบสถาปัตย์ใช่ไหมคะ เลยรู้สึกว่าถ้าเรามีโอกาสได้ทำงานหลังเรียนจบก็อยากจะทำงานในสิ่งที่ชอบ ก็คงคิดว่าเราคงรอไม่ได้แล้วแหละคงจะต้องเริ่มได้แล้ว
Xspace: ทำไมถึงเลือกใช้เทคนิคสีไม้คะ
คุณมู: ทำไมถึงเลือกใช้สีไม้ เพราะตอนแรกชอบดรออิ้งก่อนค่ะ ดรออิ้งเป็นขาวดำตอนแรกเราเรียนติวดรออิ้งรูปทั่วไปค่ะ แล้วด้วยความคิดที่ว่ามันเป็นสีขาวดำอย่างเดียวมันแอบเบื่อนิดนึงก็เลยคิดว่าใช้เทคนิคเดียวกับดรออิ้งค่ะแล้วก็เปลี่ยนเป็นสีไม้มีสีสันมากขึ้น มูเป็นคนชอบเขียนมูรู้สึกว่าสีไม้อะไรที่เป็นดินสอมันคล้าย ๆ การเขียน จะไม่ได้ปาดไปทีเดียวจนเต็มมันจะค่อย ๆ สานแต่ละเส้น ๆ ทักทอจนเป็นรูปภาพใหญ่ ๆ จะค่อนข้างใช้เวลานิดนึงมันเหมือนกับเราเขียนหนังสือสักเล่มนึงเลย เพราะมันต้องทีละตัวอักษรมันก็เหมือนทีละเส้น ๆ ใช่ไหม แล้วมูก็รู้สึกว่าดินสอมันตรงกับใจเราที่สุด มันคิดแล้วก็เขียนได้เลย แบบสื่อกลางจากสมองสู่มือมันน้อยเลยรู้สึกว่าเป็นอะไรที่ตอบโจทย์กับมูมากที่สุดในบรรดาเทคนิคทั้งหมด ก็เลยยรู้สึกว่าถนัดสิ่งนี้ รู้สึกสบายใจที่จะใช้ที่สุด
Xspace: คาดหวังว่าผู้ชมจะได้รับอะไรกลับไปไหม
คุณมู: จริง ๆ ไม่ได้คาดหวังเพราะว่าพาทย์ของมูในการทำงานมันจบแล้ว หมายถึงว่าเราได้ทำพาทย์ของเราได้เต็มที่ ไม่ได้คาดหวังอะไรมาก คนที่มาดูงานน่ะแค่มาดูก็เกินคาด คือ มูรู้สึกว่าหน้าที่ของมูมันจบแล้ว หน้าที่ในการเสพงานมันคือเป็นหน้าที่ของคนที่มาดูงานแล้วว่าเขาจะคิดอะไร ได้อะไรกลับไปไหมคือมันก็สุดแล้วแต่เขาเลย มูรู้สึกว่าหน้าที่ของมูคือการสร้างสรรค์งานออกมาให้เป็นตัวเราที่สุด ส่วนสิ่งอื่นมันคือกำไรแล้ว
Xspace: ฝากอะไรถึงนิทรรศการครั้งนี้หน่อยคะ
คุณมู: ก็ไม่ใช่งานของมูอย่างเดียวเนาะ ยังมีงานของคนอื่นอีกรวม ๆ แล้ว 10 คน ก็อยากให้แวะมาดูกันอาจจะมายากนิดนึง แตว่าขอให้แวะ อาจจะไม่ต้องมาดุงานมูก็ได้ เราจะได้เห้นการตีความของแต่ละคนผ่านหัวข้อนึงมันเป็นยังไงบ้าง เพราะมองในภาพรวม งานทุกคนทำออกมาคนลละสไตล์กันหมดเลย มันทำให้เห็นว่าคำว่า creative การที่แต่ละคนตีความออกมาว่าเป็นยังไง มูรู้สึกว่าอันนี้ก็เป็นจุดสำคัญที่นอกจากเรื่องความสวยงามของเทคนิคของแต่ละคน อันนี้พูดถึงเรื่องการตีความแล้วก็แนวคิดของแต่ละคนด้วย นอกเหนือจากความสวยงามอย่างเดียว ถ้าว่าก็อยากให้มาดูกันถึงเดือนสิงหาเลย
TAKE YOUR MARK
a group exhibition featuring 10 artists.
May 4 – August 31, 2024 (Mon-Sat)
at Xspace Gallery, Bangkok (Main Hall)
.