Talk with Artist
“My Sweet Burden” ภาระจำยอมจากความช่วยเหลือนกน้อยที่ร่วงหล่นสู่ความทรงจำอันหอมหวาน โดย Ping Hatta
Talk with Artist
“My Sweet Burden” ภาระจำยอมจากความช่วยเหลือนกน้อยที่ร่วงหล่นสู่ความทรงจำอันหอมหวาน โดย Ping Hatta
ปิ๊ง หัตถะ เป็นศิลปิน และนักวาดภาพประกอบชาวไทยที่อาศัยอยู่ในนิวยอร์กซิตี้ และกรุงเทพฯ ผลงานของเธอได้รับแรงบันดาลใจจากรูปแบบของผู้หญิง ความเป็นผู้หญิง ความคล้ายคลึงในชีวิตประจำวัน ความลึกลับของความเป็นผู้หญิง ทั้งทางร่างกาย อารมณ์ และจิตวิญญาณ ไม่ว่าจะเป็นสื่อประเภทใด ไม่ว่าจะเป็นการวาดภาพ ภาพพิมพ์ ศิลปะจากเส้นใยหรือดิจิทัล ผลงานของเธอแสดงให้เห็นรูปแบบของผู้หญิงที่ถักทอองค์ประกอบเหล่านั้นเข้าด้วยกันในรูปแบบที่สดใหม่ และยกระดับจิตใจ ภาพประกอบของเธอได้รับการตีพิมพ์อย่างกว้างขวางในระดับสากลใน
“My Sweet Burden” นิทรรศการที่นำเสนอเรื่องราวอีกด้านของศิลปิน พาผู้ชมร่วมเดินทาง ในบทบาทของผู้ช่วยเหลือลูกนกตกรัง ถ่ายทอดอารมณ์อันลึกซึ้ง เรื่องราวของความสุขเล็ก ๆ ความน่ารัก ความป่วน ความกังวล ความอดทน การเยียวยารักษาสภาพจิตใจจากการเลี้ยงนกหล่นชั่วคราว และสายสัมพันธ์ที่ไม่อาจจะบรรยายออกมาได้ ซึ่งก่อตัวขึ้นเงียบ ๆ ระหว่างผู้ช่วยเหลือนก และเพื่อนนก
กว่าจะมาเป็นปิ๊ง หัตถะ รบกวนช่วยแนะนำตัวหน่อยค่ะ
คุณปิ๊ง - ชื่อปิ๊ง หัตถะ นะคะเป็นศิลปิน และนักวาดภาพประกอบค่ะ
แรงบันดาลใจ หรือจุดเริ่มต้นในการวาดภาพของคุณปิ๊ง
คุคุณปิ๊ง – เริ่มต้นจากการเป็นนักออกแบบชุดชั้นในค่ะ ได้รับอิทธิพล และแรงบันดาลใจมาจากผู้หญิง form ของผู้หญิงค่ะ หลังจากนั้นก็ค่อย ๆ เปลี่ยนมาเป็นทางด้านแฟชั่น journey ของปิ๊งก็กลายมาเป็นศิลปินค่ะ
นิทรรศการครั้งครั้งนี้เป็นเหมือน solo comeback นิดนึงเพราะว่าไม่ได้ solo มาประมาณ 3-4 ปีได้แล้วค่ะ นิทรรศการนี้ค่อนข้างที่จะ personal ได้รับแรงบันดาลใจส่วนตัวจริง ๆ ที่อยากจะนำมาถ่ายทอด
ความเป็นมาของนิทรรศการครั้งนี้เริ่มขึ้นตั้งแต่ตอนไหน
คุณปิ๊ง – จุดเริ่มต้นจริง ๆ มันเป็นความแน่นอนในความบังเอิญมากกว่า เพราะว่าเริ่มต้นจากโควิดเลยค่ะแล้วก็มีการ lock down ในช่วงเวลานั้นอะคนงงไปหมดเลยว่าชีวิตจะยังไงต่อดี เพราะว่าแผนอะไรที่เราอยากจะทำก็ถูกยกเลิกมันถูกเปลี่ยนแปลงหมดเลย ณ เวลานั้นปิ๊งก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย ที่ถูก lock down และอยู่ที่บ้านยาว ๆ อยู่กับครอบครัวก็ได้อยู่กับธรรมชาติ เพราะว่าที่บ้านต้นไม้เยอะมาก ได้อยู่กับตัวเอง ได้เริ่มสังเกตุสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ในชีวิตที่มันดูเหมือนไม่มีอะไร แต่ว่ามันมีความพิเศษของมัน เช่น ต้นไม้ นก อะไรแบบนี้เป็นต้น บวกกับว่าในช่วงเวลา lock down มีนกหล่นลงมาพอดีเลยเป็นลูกนกก็เลยได้ช่วยไว้ เป็นครั้งแรกในการช่วยชีวิตนกแล้วก็ได้เรียนรู้อะไรเยอะมากทั้งนกทั้งตัวเราเองด้วยตลอดระยะเวลา แล้วก็หลังจากนั้นพอเขาดีขึ้น เขาเลือกที่จะอยู่กับเราจนเขาอยากจะไปมีครอบครัวนกของเขาเองเราก็ปล่อยขาไป ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาก็เลยได้เหมือนเป็น part time birds skill ถ้ามีใครที่รู้จักและเขามีนกหล่นลงมาจากรังใครมาตัดต้นไม้ นกบาดเจ็บอะไรแบบนี้เขาก็จะเอามาให้เรา และเราก็จะช่วยเลี้ยงดูเพราะว่าเรามีประสบการณ์ เรามีอาหาร เรามีเครื่องมืออะไรพร้อมที่จะช่วยให้เขารอดได้ค่ะ เสร็จแล้วก็ปล่อยเขาไปก็เลยเกิดมาเป็นนิทรรศการนี้ my sweet burden
ทำไมต้องนิทรรศการต้องชื่อ "My Sweet Burden” (ภาระอันหอมหวาน)
คุณปิ๊ง – My sweet burden แปลตรง ๆ ก็คือภาระอันหอมหวน ปิ๊งคิดว่าทุกคนน่าจะ relate กันได้ในความรู้สึกที่ว่าเวลาเรามีใครที่ต้องดูแลไม่ว่าจะเป็นลูก หรือสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ อย่างเช่น นก หมา แมว ไม่ว่าเราจะซื้อมาหรือเป็นขาจรไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก็ตาม ทุกความสัมพันธ์มีทั้งสุข และทุกข์ซึ่งเราจะต้องรับให้ได้ทั้งหมดมันเป็นสิ่งที่ตามมาด้วยกัน สำหรับปิ๊งแล้วที่ตั้งชื่อว่า my sweet burden เพราะว่า ณ จุดนั้นเป็นจุดที่ปิ๊งพยายามที่จะเข้าใจตัวเองมากขึ้นในเรื่องของ work life balance เพราะปิ๊งเป็นคนไม่มี เป็นคน work ไร้ balance วุ่นวายอยู่กับการทำงานอยู่ดี ๆ นกก็หล่นลงมาบางทีบางอย่างในชีวิตเราไม่ได้ตั้งใจให้เกิดขึ้นแต่มันก็เกิดขึ้น เราแค่ต้องปรับตัวก็ไป และอยู่กับมันให้ได้ก็เลยมาเป็นชื่อภาระแต่ว่าก็ยังหอมหวาน มีความ bitter sweet ใน journey ของปิ๊งค่ะ
จากการช่วยเหลือนกเหล่านั้นคุณปิ๊งได้รับแรงบันดาลใจหรือเรื่องราวใหม่ ๆ ที่นำมาพัฒนาเป็นผลงานของตัวเองบ้างหรือไม่
คุณปิ๊ง – อย่างแรกเลยจากที่เราเคยมองมันแค่ว่านกที่เดินตามถนนทั่วไปเหมือน ๆ กันหมด พอเราได้มาใกล้ชิดได้มาดูแลเขาถึงแม้ว่าจะสายพันธ์ุเดียวกันแต่ว่าทุกตัวมีคาแรคเตอร์ นิสัย ที่แตกต่างกัน มันทำให้เรามองสิ่งที่อยู่รอบตัวเราทั่วไปมีความวิเศษมากขึ้น อย่างที่สองเป็นผลที่ได้จากการช่วยนกจริง ๆ ก็คือทุกความสัมพันธ์ปิ๊งคิดว่าถ้าเรารักสักคนสุดท้ายเราอยากให้เขามีความสุขหรือว่าเขาประสบความสำเร็จมีวิถีของเขาอย่างเช่นนก ถ้าเรากักขังเขาไว้เขาก็จะบินไม่เป็นเราปล่อยให้เขาคืนสู่ธรรมชาติ การที่ว่าเรารักใครจริง ๆ สักคนเข้าแล้วเราก็ควรจะยินดี และ Happy ที่เขาเลือกชีวิตของเข้าเอง ถึงแม้ว่าในชีวิตหรือไลฟ์สไตล์หรือว่าเส้นทางนั้นจะไม่มีเราอยู่ก็ตาม เราต้องยินดี และปล่อยวางได้ด้วยเป็นอะไรที่พูดง่ายมากกว่าทำค่ะ
นกที่บอกว่ามีว่าแตกต่างกัน จำได้ไหมมีนกอะไรบ้างคะที่ได้ช่วยไว้
คุณปิ๊ง – นกทุกตัวก็จะเป็นนกทั่วไปเลยค่ะ เช่น นกเขาชวา นกกระติ๊ดซึ่งหน้าตาจะคล้าย ๆ นกกระจอกคนส่วนใหญ่ชอบสับสนว่ามีสีน้ำตาลตัวเล็ก ๆ เหมือนกัน แม้กระทั้งนกเอี้ยง นกเป้า อะไรแบบนี้เป็นต้นค่ะ
ภาพไหนในนิทรรศการครั้งนี้ที่ชอบมาก ๆ หรือพิเศษที่สุดสำรับคุณปิ๊ง มีความหมายอย่างไร
คุณปิ๊ง – เอาจริง ๆ ทุกภาพเป็น snap shot ความทรงจำที่ปิ๊งอยากจะเก็บมันไว้ และอยากจะนำมาเล่าเรื่องต่อ จะมีอยู่รูปหนึ่งที่มีนกอยู่บนหัว เป็นนกตัวแรกในชีวิตที่ได้ช่วยมาวึ่งมารู้ทีหลังว่าเป็นนกหายากแล้วก็ไม่สามารถเลี้ยงได้ด้วยเพราะว่าเป็นนกป่าค่ะ ก็ไม่รู้ว่าเลี้ยงรอดมาได้ยังไงแต่ว่าเขาก็อยู่กับปิ๊งมาประมาณ 8 เดือน พอเขาแข็งแรงเราก็ปล่อยเขาไปพอเขาเริ่มบิน เริ่มจิกกินเองได้เราก็ค่อย ๆ ปล่อยวาง แต่ว่าเขาเลือกที่จะกลับออกมานกมันก็แบบนี้แหละคะเขาจะไปโดยที่ไม่บอกลา ก็ต้องทำใจยอมรับให้ได้ภาพนั้นเลยชื่อว่า Heavy Weight ก็นกตัวนี้เขาชอบนั่งอยู่บนหัวปิ๊งเราก็ต้องพยายามบาลานซ์ระหว่างชีวิตส่วนตัวและการทำงาน และบาลานซ์นกที่อยู่บนหัวด้วย เลยชื่อว่า Heavy Weight เพราะว่าเป็นน้ำหนักด้านภาระด้วย
นกที่ได้ดูแลรอดทุกตัวไหมคะ
คุณปิ๊ง – รอดเกือบทุกตัวค่ะ มันจะมีบางเคสที่นกมาแบบตัวแดง ๆ อยู่เลยแบบ 2-3 วัน ซึ่งมีโอกาสรอดยากอยู่แล้วแต่ก็พยายามที่จะดูแลเขาอย่างดีที่สุด ส่วนใหญ่ก็มาแนว 8-9 วัน ยังบินไม่ได้ ขนเพิ่งแทงเราพยายามช่วยให้เขารอด เรามีไฟกกนกที่ถูกต้องอะไรแบบนี้ เราก็จะไปเข้ากลุ่มช่วยเหลือนกเขาก็จะมีข้อมูลหรือแบ่งปันประสบการณ์ หรือว่าถ้าเราไม่สะดวกเลี้ยงเราสามารถโพสเข้าไปในกลุ่มนั้นแล้วก็จะมีคนมารับไปก็จะช่วยเหลือกัน
คิดว่าเสน่ห์งานของคุณปิ๊งเป็นอย่างไร
คุณปิ๊ง – เอาจริง ๆ อยากถามคนที่มาดูมากกว่าปิ๊งอาจจะไบแอสก็ได้นะปิ๊งคิดว่า DNA ของงานปิ๊งคือการใช้สี และก็ฟอร์มของคาแรคเตอร์ หรือว่า subject ผู้หญิง หรือว่าไม่ใช่ผู้หญิงก็ได้แล้วแต่คนจะตีความ
สุดท้ายแล้ว ความสุขที่เรียบง่าย คือสิ่งใด
คุณปิ๊ง – ความสุขที่เรียบง่ายสำหรับปิ๊งคือการที่ได้อยู่กับปัจจุปัน ได้ชื่นชมสิ่งรอบข้างอย่างมีสติ มี intention 100% เช่น เราเพลินไปกับการที่เห็นสิ่งธรรมดา ๆ พิเศษเหมือนนกเขาที่มาขออาหารกินทุกเช้า เราก็ให้อาหารกิน และนั่งดูมันเป็นสิ่งที่พิเศษความสุขที่เรียบง่าย appreciate สิ่งรอบข้าง แล้วก็ไม่ไปยึดติดกับอดีต อย่าเพิ่งไปกังวลกับอนาคตซึ่งเอาจริง ๆ พูดง่ายมากกว่าทำค่ะ
ฝากนิทรรศการครั้งนี้กับผู้ชมงานหน่อยค่ะ
คุณปิ๊ง – my sweet burden เป็นนิทรรศการที่เก็บ snap shot 3-4 ปีที่ปิ๊งได้ช่วยเหลือนกเอาไว้ ปิ๊งก็ฝากเอาไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยนะคะ เพราะว่ามันดีต่อใจปิ๊งมากเลย
“My Sweet Burden” (ภาระอันหอมหวาน) นิทรรศการเดี่ยวโดย ปิ๊ง หัตถะ
ระยะเวลาจัดแสดง : 19 ตุลาคม – 28 ธันวาคม 2567 (จันทร์ – เสาร์ 10:00 – 17:00 น.)
สถานที่ : Mini Xspace Gallery ชั้น 2, Bangkok.